• ARTICLES & NEWS
  • บทความและข่าวสาร
สถานการณ์สุขภาพโลก

การระบาดของไวรัสมาร์บูร์กในรวันดา: คนไทยต้องใส่ใจอย่างไร?

1. ไวรัสมาร์บูร์กคืออะไร? ทำไมคนไทยควรรู้?

ไวรัสมาร์บูร์ก (Marburg Virus Disease, MVD) เป็นโรคไข้เลือดออกที่รุนแรงและมีอัตราการเสียชีวิตสูง (20-90%) ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับไวรัสอีโบลา ไวรัสมาร์บูร์กถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1967 ที่เมืองมาร์บูร์กในเยอรมนี และได้เกิดการระบาดในหลายประเทศ เช่น อูกันดา แองโกลา กานา และล่าสุดที่รวันดา นี่เป็นการระบาดครั้งแรกของรวันดา และทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว


2. การระบาดครั้งนี้ในรวันดา: เกิดอะไรขึ้นบ้าง?

การระบาดของไวรัสมาร์บูร์กในรวันดาถูกยืนยันเป็นครั้งแรกโดยกระทรวงสาธารณสุขรวันดาเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2024 โดยพบผู้ป่วยยืนยันรายแรกในเมืองคิกาลี และการสอบสวนเพิ่มเติมพบว่ามีการแพร่ระบาดในหลายเขตของประเทศ

เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2024 องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่าในบรรดาผู้ติดเชื้อที่ยืนยันแล้วนั้นมีบุคลากรทางการแพทย์รวมอยู่ด้วย ซึ่งทำให้มีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่กระจายของไวรัสในโรงพยาบาลและเขตที่มีผู้คนหนาแน่น รวมถึงบางกรณีที่มีการแพร่เชื้อไปยังเขตที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน

วันที่ 4 ตุลาคม 2024 กระทรวงสาธารณสุขรวันดารายงานผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก 7 ราย พร้อมกับมีการเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 36 ราย และเสียชีวิต 11 ราย ในจำนวนนี้ 80% ของผู้ติดเชื้อเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งแสดงถึงการแพร่กระจายที่อันตรายในกลุ่มผู้ดูแลผู้ป่วย


3. ประวัติการระบาดของไวรัสมาร์บูร์กในอดีต

ไวรัสมาร์บูร์กมีประวัติการระบาดตั้งแต่ปี 1967 ที่เยอรมนี และการระบาดครั้งสำคัญในหลายประเทศแอฟริกา เช่น:

  • ปี 2000-2001: การระบาดในยูกันดา
  • ปี 2004-2005: การระบาดครั้งใหญ่ในแองโกลา มีผู้เสียชีวิต 329 คนจาก 374 คนที่ติดเชื้อ
  • ปี 2021 และ 2022: การระบาดในกินีและกานา โดยมีผู้เสียชีวิตบางราย

4. ไวรัสมาร์บูร์กแพร่เชื้อได้อย่างไร? (Transmission Route)

ไวรัสมาร์บูร์กสามารถแพร่เชื้อได้ผ่านการสัมผัสกับของเหลวในร่างกายจากผู้ติดเชื้อหรือสัตว์ที่เป็นพาหะ ซึ่งเส้นทางการแพร่เชื้อประกอบไปด้วย:

  1. สัมผัสกับเลือดหรือของเหลวในร่างกายของผู้ติดเชื้อ เช่น น้ำลาย น้ำมูก เหงื่อ ปัสสาวะ หรืออาเจียน
  2. สัมผัสวัตถุที่ปนเปื้อน เช่น เสื้อผ้า เครื่องนอน เข็มฉีดยา หรืออุปกรณ์ที่ใช้กับผู้ป่วย
  3. การสัมผัสกับสัตว์ที่เป็นพาหะ เช่น ค้างคาวผลไม้ (Egyptian rousette bats) ซึ่งเป็นแหล่งธรรมชาติของไวรัส
  4. การแพร่เชื้อทางเพศสัมพันธ์ ไวรัสสามารถคงอยู่ในน้ำอสุจิของผู้ที่หายป่วยได้หลายสัปดาห์


5. ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดในการระบาดในรวันดา

สาเหตุการระบาดในรวันดายังอยู่ระหว่างการสืบสวน ไม่มีการระบุแหล่งที่มาที่แน่นอนของการระบาดครั้งนี้ แต่เป็นไปได้ว่าไวรัสถูกแพร่ผ่านการสัมผัสใกล้ชิดกับค้างคาวผลไม้ หรือการสัมผัสกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อโดยตรง


6. คำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาด

หากมีความจำเป็นต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของไวรัสมาร์บูร์ก ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้เพื่อป้องกันการติดเชื้อ:

  1. หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ค้างคาวผลไม้ และถ้ำที่อาจมีค้างคาวเป็นที่อยู่อาศัย รวมถึงหลีกเลี่ยงการสัมผัสซากสัตว์ที่อาจติดเชื้อ
  2. อย่าเข้าใกล้ผู้ที่มีอาการป่วย โดยเฉพาะหากผู้ป่วยมีไข้สูง เลือดออก หรือมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยมาร์บูร์ก
  3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งของหรืออุปกรณ์ที่ปนเปื้อน เช่น เครื่องนอน เสื้อผ้า หรือเข็มฉีดยาที่ใช้แล้ว
  4. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์หากไม่มีน้ำสะอาด

หากมีความกังวลว่ามีการสัมผัสกับสัตว์หรือสิ่งของที่อาจมีการปนเปื้อน ควรรีบติดต่อแพทย์หรือหน่วยงานสาธารณสุขเพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวังอาการเป็นเวลา 21 วัน


7. อาการของไวรัสมาร์บูร์กเป็นอย่างไร?

อาการของไวรัสมาร์บูร์กมักจะคล้ายกับโรคอื่นๆ เช่น มาลาเรียหรือไข้เลือดออก ซึ่งทำให้ยากต่อการวินิจฉัย อาการแรกเริ่มได้แก่:

  1. ไข้สูง หนาวสั่น
  2. ปวดศีรษะและปวดกล้ามเนื้อ
  3. ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน
  4. ผื่นแดงตามตัว
  5. อาการเลือดออกในระยะหลัง เช่น เลือดออกจากปากหรือจมูก


8. บุคลากรทางการแพทย์ควรทำอย่างไรเพื่อป้องกันไวรัสนี้?

บุคลากรทางการแพทย์มีความเสี่ยงสูงในการสัมผัสกับผู้ป่วย ดังนั้นควร:

  1. สงสัยผู้ป่วยไวรัสมาร์บูร์กทันที เมื่อผู้ป่วยมีประวัติเดินทางจากพื้นที่ระบาดและมีอาการไข้
  2. ใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เช่น หน้ากาก แว่นป้องกัน เสื้อคลุมป้องกัน และถุงมือ
  3. แยกผู้ป่วย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อในโรงพยาบาล
  4. ให้ความรู้แก่บุคลากรและผู้ป่วย เกี่ยวกับไวรัสมาร์บูร์กและวิธีการป้องกันการติดเชื้อ

9. การเตรียมความพร้อมของระบบสาธารณสุขไทยในการป้องกันการระบาด

ประเทศไทยมีมาตรการในการตรวจคัดกรองผู้เดินทางเข้าเมือง โดยมีการวัดอุณหภูมิและถามประวัติการเดินทางที่สนามบิน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการนำไวรัสเข้าประเทศ ระบบสาธารณสุขไทยควรมีการเตรียมพร้อมในการให้ความรู้แก่บุคลากรทางการแพทย์เกี่ยวกับการแยกผู้ป่วยและการใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล

References

World Health Organization. (2024). Disease Outbreak News: Marburg virus disease - Rwanda. Retrieved from https://www.who.int/emergencies/disease-outbreak-news/item/2024-DON537

Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (n.d.). Marburg Virus Disease (MVD). Retrieved from https://www.cdc.gov/marburg/index.html

Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (2024). Marburg Virus Situation Summary. Retrieved from https://www.cdc.gov/marburg/situation-summary/index.html

Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (2024). Preventing Marburg Virus Disease from Entering Your Healthcare Facility. Retrieved from https://www.cdc.gov/marburg/hcp/training/preventing-mvd-from-entering-your-healthcare-facility-1.html

UK Government. (2024). Marburg Virus Disease: Origins, reservoirs, transmission, and guidelines. Retrieved from https://www.gov.uk/guidance/marburg-virus-disease-origins-reservoirs-transmission-and-guidelines

อัลบั้มรูป
คำที่เกี่ยวข้อง
เกี่ยวกับผู้เขียน
    1. พญ.นันทนา จำปา
    2. แพทย์ประจำศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
บทความและข่าวสารยอดนิยม